ทำอย่างไรดีเมื่อจับได้ว่าลูกโกหก

ทำอย่างไรดีเมื่อจับได้ว่าลูกโกหก

ขึ้นชื่อว่าโกหกนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่วันยันค่ำ เพราะหากลูกของเราติดนิสัยการโกหกแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่ามันจะต้องมีครั้งที่สอง สาม สี่ อย่างแน่นอน ฉะนั้นก่อนที่อนาคตของลูกคุณจะชินกับการโกหกไปตลอดแล้วล่ะก็ เรามาตัดไฟเสียแต่ต้นลมโดยที่เรามาหาวิธีทำความเข้าใจและอธิบายให้เขาได้รู้กันไปเลยดีกว่าว่า การพูดโกหกของเขาไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่เด็กๆ อย่างพวกเขาไม่ควรจะทำอย่างยิ่ง วันนี้เรามีเคล็ดลับมาแนะนำให้คุณแม่หลายๆท่านนำมาปรับใช้เมื่อคุณจับได้ว่าลูกของคุณนั้นพูดโกหก

– ไม่ควรกล่าวตำหนิและตีลูกของคุณ

ไม่ว่าเรื่องที่โกหกจะใหญ่หรือเล็กสิ่งที่คุณไม่สมควรกระทำเลยก็คือ การตำหนิหรือการตีลูกของคุณ เพราะคุณรู้หรือไม่ว่าการสอนให้เด็กเล็กๆ นั้นเข้าใจว่าสิ่งไหนควรทำหรือสิ่งไหนไม่ควรทำด้วยการลงไม้ลงมือหรือใช้ความรุนแรงทางคำพูดนั้น เท่ากับคุณกำลังชี้ทางให้ลูกของคุณไม่กล้าที่จะพูดความจริงอีกต่อไปกับคุณ เนื่องจากเขากลัวว่าหากคุณรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ดีคุณก็จะตีและต่อว่าเขาอีก

– ควรอธิบายถึงการโกหกว่าเป็นสิ่งไม่ดี

และหากสิ่งที่ลูกคุณโกหกไปก่อนหน้านี้แล้วเขากลับเปลี่ยนใจมาพูดความจริงโดยสารภาพกับคุณแล้วละก็ สิ่งที่คุณควรจะทำเป็นสิ่งแรกคือให้การชื่นชม ไม่ใช่ว่าเราแนะนำให้คุณชื่นชมโดยไม่ตำหนิลูกนะคะ แต่คุณควรชื่นชมลูกของคุณก่อนที่คุณจะอธิบายเขาว่า ‘’การโกหกไม่ว่าอย่างไรมันก็คือสิ่งไม่ดีครั้งนี้หนูมาสารภาพเองนั้นถือว่าเป็นสิ่งดีที่เด็กคนหนึ่งควรจะทำ แต่หากต่อไปถ้าหนูไม่โกหกเลยนั้นย่อมดีกว่าใช่ไหมลูก ‘’

ไม่ควรยกย่องหรือเปรียบเทียบเด็กคนอื่น

สิ่งที่แย่ที่สุดของเด็กๆ นั้นคือการที่คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเด็กคนอื่นดีกว่าตัวของเขาเวลาที่เขาทำผิด โดยส่วนใหญ่พ่อแม่หลายๆ ท่านมักชอบที่จะยกตัวอย่างขึ้นมาเปรียบเทียบลูกของคุณเอง ว่าทำไมไม่เหมือนลูกคนนั้น และทำไมไม่เหมือนลูกคนนี้ รู้ไหมค่ะนั้นคือสิ่งที่ลูกของคุณจะน้อยใจและจำจนฝังใจว่าหากวันไหนเขาทำสิ่งที่ไม่ดี เขาจะไม่บอกคุณเพราะเขาไม่ต้องการให้คุณยกตัวอย่างเด็กคนอื่นขึ้นมาเปรียบเทียบให้เขาฟังอีก และเขาจะทำทุกวิถีทางที่จะปกปิด หากเขาคิดว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ดีและคุณจะว่าเขาอย่างแน่นอนหากคุณรู้ และทางออกที่ดีที่สุดนั่นก็คือ’’การโกหก’’

หากคุณพ่อคุณแม่รู้วิธีพูดและปรับตัวในการว่ากล่าวตักเตือนลูกของคุณแล้วล่ะก็ นำมาปรับใช้กับชีวิตครอบครัวของคุณเถอะนะคะ เพราะมันย่อมไม่ดีแน่หากเราไม่แก้ที่ต้นเหตุ คุณว่าจริงไหมค่ะ

ต้นสายที่ปลายฝน